หากใครกำลังจะติดสปริงเกอร์ คุณรู้จักสปริงเกอร์ดีหรือยัง สปริงเกอร์คืออะไร เข้าใจถึงระบบการทำงาน ประเภท ข้อดีและข้อเสียของสปริงเกอร์หรือยัง หากยังบทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณเข้าใจยิ่งขึ้น เพื่อให้เลือกใช้งานได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ที่สุด

ก่อนอื่นเริ่มที่ สปริงเกอร์ (SPRINKLER) คืออะไร  สปริงเกอร์ คืออุปกรณ์รดน้ำอัติโนมัติที่มีระบบการบีบอัดฉีดน้ำให้แตกเป็นสาย โดยมีทั้งแบบหมุนและแบบไม่หมุน ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน ซึ่งจะพบเห็นได้ตามสวนสาธารณะหรือผู้คนที่มีสวนส่วนใหญ่นิยมติดตั้ง เพื่อเป็นตัวช่วยให้ฉีดรดน้ำต้นไม้ หรือช่วยลดอุณหภูมิของพื้นที่ให้เย็นลง  ต่อมาชวนทำความรู้จักกับระบบการทำงานของสปริงเกอร์ โดยมีองค์ประกอบของอุปกรณ์หลักๆ ได้แก่

  1. หัวจ่ายน้ำ มีหลายประเภท แบ่งตามลักษณะการฉีดได้ดังนี้ สเปรย์ โรเตอร์หรือแบบหยดน้ำ ซึ่งแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานแต่ละพื้นที่
  2. คอนโทรลเลอร์ เป็นอุปกรณ์ที่สั่งให้วาล์วไฟฟ้าเปิด-ปิดตามเวลาและระยะเวลาที่กำหนด
  3. วาล์วไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้าความต่างศักย์ต่ำ (24 โวลท์) จากคอนโทรลเลอร์ในการสั่งการให้วาล์วเปิด-ปิด
  4. เครื่องสูบน้ำ เนื่องจากระบบสปริงเกอร์ใช้แรงดันน้ำค่อนข้างสูงเครื่องสูบน้ำจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญ

เมื่อรู้จักกับระบบการทำงานแล้ว สปริงเกอร์ก็มีหลากหลายประเภทให้ทุกคนสามารถเลือกใช้งานได้โดยมีการแบ่งตามลักษณะการติดตั้ง และลักษณะของหัวจ่ายน้ำ ดังนี้

ลักษณะการติดตั้ง

  1. แบบหัวฝังอยู่ใต้ดิน (under ground) คือ หัวจ่ายน้ำจะฝังอยู่ใต้ดินแต่จะโผล่ขค้นมาเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น
  2. แบบหัวติดตั้งอยู่เหนือดิน (above ground) คือ เช่น มินิสเปรย์ หัวพ่นหมอก pop-up จะติดตั้งบริเวณไม่พุ่มและหลบสายตาผู้คน

ลักษณะของหัวจ่ายน้ำ

  1. หัวแบบสเปรย์ (spray) จ่ายน้ำเป็นรูปพัด รัศมีการจ่ายน้ำไม่เกิน 5-6 เมตร 
  2. หัวแบบมินิสปริงเกอร์ (MiniSprinkler) จ่ายน้ำในอัตราที่ไม่สูงมาก มีทั้งแบบน้ำหยด และแบบหัวเหวี่ยงขนาดเล็ก รัศมีการจ่ายน้ำ ไม่เกิน 2-3 เมตร จะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กๆ หรือไม้พุ่ม
  3. หัวแบบโรเตเตอร์ (rotor) จ่ายน้ำโดยฉีดออกจากหัวจ่ายและหมุนรอบตัวหรือองศาที่กำหนดไว้ รัศมีการฉีดน้ำตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป ไม่เกิน 20 เมตร เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น สนามหญ้า สวนสาธารณะ เป็นต้น

ทั้งนี้สปริงเกอร์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี 

– มีหลากหลายประเภทเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม

–  สามารถตั้งเวลากำหนดการรดน้ำได้ สปริงเกอร์จะทำหน้าฉีดหรือรดน้ำหญ้าและ ต้นไม้โดยอัติโนมัติ จึงสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งาน

– สามารถรดน้ำได้หลายระยะ ไม่ว่าจะเป็นระยะใกล้หรือไกล และรดน้ำได้แม้เป็นพื้นที่วงกว้าง

– นอกจากจะประหยัดเวลายังช่วยประหยัดน้ำได้ด้วย เพราะสามารถกำหนดปริมาณน้ำที่ใช้ได้

– ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสวนและบริเวณที่ใช้งานได้ดี

ข้อเสีย

– ต้องใช้งบประมาณค่อยข้างสูงในการติดตั้ง

– ต้องอาศัยแรงดันสูงเพื่อให้การทำงานของระบบสปริงเกอร์มีประสิทธิภาพ

– ต้องวางตำแหน่งการติดตั้งสปริงเกอร์ตั้งแต่การออกแบบสวน เพื่อให้การทำงานได้ดีและสมบูรณ์

เมื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับสปริงเกอร์ครบแล้ว บทความนี้จึงขอแนะนำการวางสปิงเกอร์ให้ถูกต้องด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้

  • แบ่งพื้นที่บริเวณที่ต้องการติดตั้งให้เป็นสัดส่วนตามประเภทของพืชหรือต้นไม้ที่ปลูก เช่น พื้นที่ปลูกผักสวนครัว ไม้พุ่ม ต้นไม้ใหญ่ หรือสนามหญ้า เป็นต้น เพื่อง่ายต่อการเลือกใช้งานประเภทสปริงเกอร์
  • เลือกหัวจ่ายน้ำตามลักษณะการใช้งานต้องการจ่ายน้ำระยะใกล้หรือไกล รัศมีเท่าใด 

เป็นอย่างไรบ้างกับข้อควรรู้ก่อนติดตั้งสปริงเกอร์ อ่านแล้วพอจะช่วยให้ทำความเข้าใจได้มากขึ้นหรือช่วยตัดสินใจเลือกสปริงเกอร์ได้บ้างหรือไม่

ปั๊มบ้านบอกต่อ! กับเกร็ดความรู้เรื่องปั๊มน้ำ และสารพัดวิธีแก้ปัญหาจุกจิกภายในบ้าน เรามีคำตอบให้คุณได้ทุกวัน
น้องปั๊มบ้านมีบริการซ่อม ติดตั้ง และจำหน่ายปั๊มน้ำ
– ช่างเข้าหน้างานภายใน 1-3 ชม.
– รับประกัน(งานซ่อม 15 วัน) (งานติดตั้ง 90 วัน)
– ทั่วกรุงเทพปริมณฑล และทั่วประเทศ(บางพื้นที่)
เพื่อให้ลูกค้าได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดทันท่วงทีและไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกันอีกด้วยครับ
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาฟรีเกี่ยวกับปั๊มน้ำ
โทร 095-768-8937 หรือ Add line id : @pumpban
ในเวลาทำการ จ-เสาร์ 8.30-17.30น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์หยุดนักขัตฤกษ์