การเลือกขนาด ถังเก็บน้ำ และ ปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกันเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการใช้งาน และสามารถจ่ายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงดังนี้:
1. การคำนวณขนาดถังเก็บน้ำ
ขนาดของถังเก็บน้ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ใช้ในบ้านและระยะเวลาที่ต้องการสำรองน้ำ ในการเลือกขนาดถังควรคำนึงถึง:
- ปริมาณการใช้น้ำต่อวัน: คำนวณปริมาณน้ำที่ใช้ในบ้านต่อวันจากจำนวนคนในบ้านและจุดใช้น้ำ
- สำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน: ควรเผื่อปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในกรณีที่น้ำประปาไม่เพียงพอหรือน้ำขาด
ตัวอย่างการคำนวณขนาดถังเก็บน้ำ:
หากบ้านมี ผู้อยู่อาศัย 5 คน และใช้น้ำเฉลี่ยคนละ 250 ลิตรต่อวัน รวมเป็น:5×250=1,250 ลิตร/วัน5 \times 250 = 1,250 \, ลิตร/วัน5×250=1,250ลิตร/วัน
- สำรองน้ำไว้ใช้ 2 วัน: หากต้องการสำรองน้ำไว้ 2 วัน จะต้องเลือกถังเก็บน้ำที่มีความจุอย่างน้อย:
1,250 ลิตร/วัน×2 วัน=2,500 ลิตร1,250 \, ลิตร/วัน \times 2 \, วัน = 2,500 \, ลิตร1,250ลิตร/วัน×2วัน=2,500ลิตร
ดังนั้น ควรเลือกถังเก็บน้ำที่มีความจุอย่างน้อย 2,500 ลิตร
2. การเลือกปั๊มน้ำตามขนาดถัง
การเลือกปั๊มน้ำที่เหมาะสมกับขนาดถังเก็บน้ำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อัตราการจ่ายน้ำ (Flow Rate) และแรงดันน้ำ (Water Pressure)
ปัจจัยในการเลือกปั๊มน้ำ:
- อัตราการจ่ายน้ำ (Flow Rate):
- อัตราการจ่ายน้ำ ของปั๊มระบุเป็นลิตรต่อนาที (L/min) ปั๊มที่มีอัตราการจ่ายน้ำสูงจะสามารถจ่ายน้ำให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน
- ตัวอย่าง: หากมีการใช้น้ำ 2-3 จุดพร้อมกัน เช่น การอาบน้ำ ล้างจาน และซักผ้า ควรเลือกปั๊มน้ำที่มีอัตราการจ่ายน้ำสูง เช่น 30-50 ลิตรต่อนาที
- แรงดันน้ำ (Water Pressure):
- แรงดันน้ำขึ้นอยู่กับความสูงของจุดใช้น้ำและระยะทางจากปั๊มไปยังจุดใช้น้ำ ปั๊มที่มีแรงดันสูงเหมาะสำหรับบ้านหลายชั้นหรือมีจุดใช้น้ำที่อยู่ไกล
- ตัวอย่าง: บ้านที่มี 2 ชั้นควรเลือกปั๊มน้ำที่มีแรงดันเพียงพอในการจ่ายน้ำไปยังชั้นบนโดยไม่มีปัญหาแรงดันตก เช่น ปั๊มน้ำแรงดันคงที่ (Booster Pump)
- ความเหมาะสมกับถังเก็บน้ำ:
- ปั๊มน้ำต้องมีความสามารถในการสูบน้ำจากถังเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจากความสูงระหว่างปั๊มและถังเก็บน้ำ (Suction Head)
- ถังเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้ปั๊มที่สามารถสูบน้ำได้รวดเร็ว เช่น ปั๊มที่มีอัตราการจ่ายน้ำสูง
3. ประเภทปั๊มน้ำที่เหมาะสมกับขนาดถังและการใช้งาน
1. ปั๊มน้ำอัตโนมัติ (Automatic Pump):
- เหมาะสำหรับบ้านขนาดเล็กถึงกลาง มีการใช้น้ำไม่มาก ปั๊มจะทำงานอัตโนมัติเมื่อต้องการจ่ายน้ำ เช่น เมื่อเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มจะเริ่มทำงานทันที
- แนะนำ: ถังเก็บน้ำขนาด 1,000-2,000 ลิตร ใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติทั่วไปได้
2. ปั๊มน้ำแรงดันคงที่ (Booster Pump):
- เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายชั้นหรือจุดใช้น้ำหลายจุดพร้อมกัน ปั๊มชนิดนี้สามารถรักษาแรงดันน้ำให้คงที่แม้ว่าจะมีการใช้น้ำหลายจุด
- แนะนำ: ถังเก็บน้ำขนาด 2,000-5,000 ลิตร ใช้ปั๊มน้ำแรงดันคงที่เพื่อการใช้งานในหลายจุดพร้อมกัน
3. ปั๊มน้ำแบบจุ่ม (Submersible Pump):
- ใช้สำหรับสูบน้ำจากถังน้ำใต้ดินหรือบ่อ เหมาะกับการใช้น้ำปริมาณมากในพื้นที่เกษตรหรือสวน
- แนะนำ: ถังเก็บน้ำใต้ดินหรือบ่อขนาดใหญ่ ต้องใช้ปั๊มแบบจุ่มที่มีแรงดันและอัตราการจ่ายน้ำสูง
4. การเลือกปั๊มตามขนาดถัง
- ถังขนาดเล็ก (500-1,000 ลิตร): ควรเลือกปั๊มน้ำที่มีอัตราการจ่ายน้ำปานกลาง และสามารถทำงานอัตโนมัติ เช่น ปั๊มน้ำอัตโนมัติ
- ถังขนาดกลาง (1,000-2,000 ลิตร): เลือกปั๊มที่มีอัตราการจ่ายน้ำสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อรองรับการใช้งานในหลายจุดพร้อมกัน
- ถังขนาดใหญ่ (มากกว่า 2,000 ลิตร): ควรใช้ปั๊มน้ำแรงดันคงที่หรือปั๊มที่มีความสามารถในการสูบน้ำในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง เช่น ปั๊มแบบหลายใบพัด (Multi-Stage Pump)
สรุป:
การเลือกขนาดถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำต้องสัมพันธ์กับปริมาณการใช้น้ำในบ้านและความต้องการในการจ่ายน้ำในจุดต่าง ๆ ควรคำนวณจากปริมาณน้ำที่ใช้ต่อวัน เลือกถังเก็บน้ำที่มีความจุพอสมควร และเลือกปั๊มน้ำที่สามารถจ่ายน้ำได้เพียงพอทั้งในแง่ของอัตราการจ่ายน้ำและแรงดันน้ำ
ปั๊มบ้านบอกต่อ! กับเกร็ดความรู้เรื่องปั๊มน้ำ และสารพัดวิธีแก้ปัญหาจุกจิกภายในบ้าน เรามีคำตอบให้คุณได้ทุกวัน
น้องปั๊มบ้านมีบริการซ่อม ติดตั้ง และจำหน่ายปั๊มน้ำ
– ช่างเข้าหน้างานภายใน 1-3 ชม.
– รับประกัน(งานซ่อม 15 วัน) (งานติดตั้ง 90 วัน)
– ทั่วกรุงเทพปริมณฑล และทั่วประเทศ(บางพื้นที่)
เพื่อให้ลูกค้าได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดทันท่วงทีและไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกันอีกด้วยครับ
แจ้งปัญหาหรือปรึกษาฟรีเกี่ยวกับปั๊มน้ำ
โทร 095-768-8937 หรือ Add line id : @pumpban
ในเวลาทำการ จ-เสาร์ 8.30-17.30น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์หยุดนักขัตฤกษ์